หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ไม้ได้เป็นหมอ ก็ดูแลพ่อได้

       คุณปู่ป่วยเป็นโรคร้ายอยู่ในระยะท้ายของชีวิต ได้ตกลงกับคนในครอบครัวว่าถ้าอาการหนักมากขึ้น ไม่ต้องเอาไปโรงพยาบาล อยากสิ้นใจอยู่ที่บ้าน        ทุกคนในบ้านพากันทำตามเจตจำนงของคุณปู่ตั้งแต่รู้ว่าโรคร้ายได้ลุกลามไปมากแล้ว
       ครอบครัวนี้พาคุณปู่มายังบ้าน ที่เป็นต้นกำเนิดของชีวิต อาการของคุณปู่เป็นมากขึ้น ลุกเดินไม่ได้ นอนติดเตียง กินได้น้อยลงอย่างมาก เบื่ออาหาร มีอาการปวดร้าวไปตามกระดูกทั่วร่าง ดั่งเข็มเป็นพันเล่มทิ่มแทงตลอดเวลา ยาอย่างแรงที่มี ต้องกินทางปาก เริ่มใช้ไม่ได้ผล เพราะคุณปู่เบื่ออาหาร กินยาเม็ดลำบากมาก      
       บทบาทของศูนย์ดูแลต่อเนื่องของโรงพยาบาลใกล้บ้านจึงเริ่มขึ้นพยาบาลประจำหน่วยดูแลผู้ป่วยระยะท้าย ได้เข้ามาประเมินอาการคุณปู่ พบว่าอาการคุณปู่ไม่สู้ดีนัก ได้คุยกับครอบครัวคุณปู่ถึงการจัดการอาการรบกวนในช่วงสุดท้ายของชีวิต โดยจะให้ยาระงับอาการปวดชนิดรุนแรงทางใต้ผิวหนังออกฤทธิ์ยาว 24 ชั่วโมง       
      เนื่องจากว่าทางเจ้าหน้าที่มีงานประจำที่โรงพยาบาล ในช่วงที่ยาหมดครบ 24 ชั่วโมงอาจมีปัญหา จึงได้คุยกับลูกชายผู้ป่วยให้ช่วยเติมยาให้ผู้ป่วยผ่านเครื่องนำส่งยา ลูกชายผู้ป่วยยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ทำหน้าที่นี้ พอสอนจนทำเป็น ทีมงานจึงลากลับโรงพยาบาล        
     ในวันหยุดราชการ ลูกชายของผู้ป่วย มารับยาที่ห้องฉุกเฉิน โดยเจ้าหน้าที่ได้ผสมยาไว้ให้พร้อมสำหรับคุณปู่ ลูกชายเพียงนำยาที่เตรียมไว้ในกระบอกฉีดยา เอาไปต่อกับเครื่องนำส่งยาใต้ผิวหนังที่บ้าน แค่นี้ก็สามารถจัดการอาการรบกวนคุณปู่ได้ 24 ชั่วโมง     
     5 วันต่อมา ได้ทราบข่าวว่า คุณปู่จากไปแล้วลูกชายได้นำเครื่องนำส่งยามาคืนโรงพยาบาล พร้อมขอบคุณทางโรงพยาบาลที่ช่วยเหลือดูแลคุณปู่เป็นอย่างดี"ผมนำเครื่องส่งยามาคืนครับ  ผมมีความสุขมากที่ได้อยู่ดูแลคุณพ่อจนสิ้นลม  ก่อนจากไปท่านดูสงบ ไม่ทุรนทุราย  ผมภูมิใจที่ผมได้เป็นหมอดูแลพ่อตนเองได้"เขากล่าว ด้วยแววตาที่คลอไปด้วยน้ำบ่อน้อย ที่ท้นในเบ้าตาทั้งสองข้าง พอต้องแสง กลายเป็นประกายที่งดงาม






วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2559

คนไข้เปลี่ยนใจคุณหมอ

        คลินิกโรคหืดจะเปิดให้บริการทุกวันจันทร์ในช่วงเช้า ณ โรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่ง
วันนี้ก็เหมือนกับทุกจันทร์ที่ผ่านมานั่นแหล่ะ ที่ต้องมีแพทย์มาตรวจ มีพยาบาลคัดกรองผู้ป่วย
มีผู้ป่วยโรคหืดเป่าหลอดทดสอบสมรรถภาพปอด แล้วส่งเข้าพบแพทย์
ในการสื่อสารกับผู้ป่วยผมจะใช้ภาษาท้องถิ่นเป็นหลัก คือภาษาอีสาน ยิ่งพูดได้ถูกตามเผ่าของผู้ป่วย
การสนทนาจะยิ่งออกรสชาติ คุยกันเหมือนญาติพี่น้อง ทลายกำแพงหมอกับคนไข้ เกิดความไว้ใจ
มีความลับอะไร หรือสงสัยอะไร ก็จะถามหมอ
     
        "ผมยังสูบบุหริ่อยู่ครับ วันละ 3 มวน" ผู้ป่วยหนุ่มใหญ่ได้กล่าวกับผม จากความเชื่อใจต่อกัน
ไม่กลัวที่โดนหมอดุ หมอคอยหาทางออกร่วมกับคนไข้รายนี้ ตามบริบทชีวิตของเขา
ที่อยู่ท่ามกลางเพื่อนที่สูบบุหรี่ สูบบุหรี่แล้วทำให้กระปรี้กระเปร่าทำงานได้ ผู้ป่วยรายนี้ให้สัญญาว่า
จะพยายามเลิกบุหรี่ให้ได้ หน้าที่หมออย่างผมก็ต้องเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วย

        เวลาก็ล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว อีก 5 นาที จะพักเที่ยง ผมเตรียมตัวเก็บของที่จะไปกินข้าวแล้ว
เพราะคลินิกโรคหืดมักเสร็จก่อน 11.30 นาฬิกา
"คุณหมอค่ะ เหลือคนไข้อีกคนหนึ่งค่ะ" เสียงพยาบาลแจ้งให้ผมรู้ว่ายังมีผู้ป่วยอยู่ ขณะนั้นเวลาเที่ยงพอดี

        ผมรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที เพราะปกติ 11 โมงครึ่ง ก็ไม่มีคนไข้แล้ว ตอนนี้ก็เที่ยงแล้ว ด้วยความเคยชินแบบเดิมๆ จึงมีอารมณ์ไม่ดีที่ไม่ได้พักเที่ยงตามเวลา บวกกับเริ่มหิวข้าวแล้ว
ในใจตอนนั้นเตรียมคำถามที่ก้องในหัวว่า ทำไมมาเอาป่านนี้ๆๆๆ
พยาบาลแง้มผ้าม่าน พาคุณตาคนหนึ่ง ผิวเข้ม ผมขาวโพลน หน้าตาซื่อซื่อ มานั่งยังเก้าอี้
ก่อนที่ผมจะยิงคำถามหักหาญน้ำใจกับคุณตานั้น พยาบาลได้กล่าวกับผมว่า

        "คุณหมอค่ะ คุณตาเพิ่งมาถึงตอนเกือบเที่ยงค่ะ"  ผมคิดในใจ แล้วมัวทำอะไรอยู่
        "คุณตาออกจากบ้าน ตั้งแต่ 8 โมงแล้วค่ะ เพิ่งมาถึง" ทำไมเดินทางนานจัง ผมสงสัยในใจ
        "คุณตาปั่นจักรยานมาคนเดียวค่ะ"

        ตอนนี้ผมเริ่มสงสารคุณตา จึงถามไปว่าคุณตาว่าเหนื่อยไหม ที่ปั่นจักรยานมา คุณตาบอกว่าเหนื่อยก็หยุดพัก เกือบสิบรอบกว่าจะมาถึงโรงพยาบาล ณ จุดนี้ผมเริ่มสะท้อนเข้ามาข้างในใจตนเอง เห็นการสั่นไหวภายในของตน เห็นความพยายามของคุณตา ทั้งๆที่เป็นโรคหืด อายุก็มาก หนทางก็ไกลสัก 13 กิโลเมตรได้
ผมนิ่งไปสักพัก!
ผมเริ่มพูดไม่ออก จุกที่อก ความหิว ความโกรธคุณตาก่อนหน้านี้ โดนไล่ที่ด้วยความเห็นใจ และสงสารจับใจ

จึงรีบตรวจและประสานกับพยาบาล ให้ดูแลเรื่องยาโรคหืด ส่งถึงโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในพื้นที่ของคุณตา จะได้รับยาใกล้บ้าน
        พยาบาลใจดี นำข้าวน้ำมาเลี้ยงคุณตา พอถึงเวลาบ่ายโมงตรง ผมกับทีมงานเยี่ยมบ้าน มีภารกิจแถวชุมชนของคุณตา จึงพาคุณตาไปส่งที่บ้านด้วย
สิ่งที่เห็นคือจักรยานคู่ชีพของคุณตา อยู่ในสภาพบุโรทั่ง เก่าขึ้นสนิม อายุใช้งานน่าจะไม่ต่ำกว่าสิบปี
พอถึงบ้านคุณตา มีคุณยายนั่งรออยู่หน้าบ้าน สภาพไม่ต่างจากคุณตา คือเดินเหินลำบาก มองมายังคุณตาด้วยแววตาที่เป็นห่วงปนดีใจ เพราะคุณยายกลัวคุณตาจะไปไม่ถึงโรงพยาบาล

        ก่อนรถกระบะโรงพยาบาล จะพ้นบ้าน ผมเหลือบมองไปเห็น ฉากสนทนาระหว่างคุณตากับคุณยายที่อยู่หน้าบ้าน บรรยากาศของคนรักที่รอคอยการกลับมาของสามีด้วยความเป็นห่วง ช่างอบอุ่น อบอวล ด้วยความสุข

มันเกิดการเปลี่ยนแปลงในใจของผมแล้ว ตั้งแต่ตอนอยู่ในห้องตรวจ